
อัลโลเซารัส กินอะไร ในช่วงปลายของยุคจูราสสิก
- Chono
- 31 views
อัลโลเซารัส กินอะไร ในช่วงเวลาที่พวกมันมีชีวิต หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล ที่สืบข้อมูลจนถึงยุคจูราสสิกตอนปลาย พบว่าพวกมันเป็นนักล่าที่มีความดุร้าย อันตราย ออกล่าเหยื่อหลากหลายประเภท สำหรับเนื้อหาบทความนี้ เราจะมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับอาหารการกิน รวมถึงข้อมูลการค้นพบฟอสซิลครั้งแรก
คำถามที่ถามว่า อัลโลเซารัส กินอะไร ในช่วงเวลาที่มันอาศัยอยู่บนโลก ส่วนใหญ่มันกินไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ ซึ่งนักบรรพชีวินวิทยาเชื่อกันว่า มันเป็นไดโนเสาร์คู่ปรับของสเตโกซอรัส ในปี 1914 นักบรรพชีวินวิทยา CW Gilmore ได้บรรยายเกี่ยวกับหนามของสเตโกซอรัส ที่มีลักษณะผิดรูป ในช่วงเวลาที่มันมีชีวิต
จากการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยได้พบกับหลักฐานชิ้นสำคัญ เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ เช่น การพบกระดูกสันหลังส่วนหางของ Allosaurus ที่มีบาดแผลจากการถูกแทง ซึ่งตรงกับรูปร่างของหางแหลม ของไดโนเสาร์สเตโกซอรัส และกระดูกคอของสเตโกซอรัส ที่มีรอยกัดเป็นรูปตัว U สอดคล้องกับขากรรไกร
อัลโลเซารัสสามารถฆ่าซอโรพอดขนาดกลาง หรือไดโนเสาร์กินพืชคอยาว เช่น อะพาโทซอรัสที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ และพวกมันยังเป็นนักล่าที่มีความดุร้าย ก้าวร้าว ออกล่าเหยื่อเป็นฝูง ความโหดเช่นเดียวกับไทรันโนซอรัส หรือ ฟอสซิล ทีเร็กซ์ ที่อาจมีความสามารถในการล่าเหยื่อขนาดใหญ่กว่า [1]
สำหรับถิ่นอาศัยของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ในช่วงปลายยุคจูราสสิก หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล ที่ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 163 ล้านปีก่อน โดยฟอสซิลส่วนใหญ่นั้น ถูกพบในสหรัฐอเมริกา และฟอสซิลชิ้นแรกถูกพบในโคโลราโด ในชั้นหินมอร์ริสัน เชื่อกันว่า ถิ่นอาศัยของมัน จะอยู่ใกล้กับพื้นที่ราบและลำธาร
ในส่วนของสาเหตุการสูญพันธุ์ของพวกมัน พบว่าอัลโลเซารัสสูญพันธุ์ไปเมื่อ 144 ล้านปีก่อน ยังไม่ปรากฏสาเหตุที่ชัดเจน แต่มีทฤษฎีบางอย่าง ที่มีความเกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดของพวกมัน นักวิทยาศาสตร์บางท่านเสนอว่า อาจเกิดภัยแล้งในยุค และทำให้ไดโนเสาร์จำนวนมากล้มตาย รวมไปถึงพืชพรรณต่างๆ
แต่ฟอสซิลที่มีการขุดพบครั้งล่าสุด ที่มีการตั้งชื่อฟอสซิลไว้ว่า “บิ๊กอัล 2” ซึ่งมีการค้นพบการติดเชื้อทางพยาธิวิทยา ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการแพร่ระบาด หรือการแพร่กระจายการติดเชื้อ แต่สุดท้ายก็ไม่มีข้อมูลในการยืนยัน
ทางผู้เชี่ยวชาญยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด เกี่ยวกับการออกล่าเหยื่อที่มีชีวิตมาตลอดหรือไม่ ซึ่งรวมถึงสัตว์กินพืชขนาดยักษ์ หรือบางที พวกมันอาจกินซากสัตว์ที่ตายแล้ว หรือกำลังใกล้ตาย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกินเนื้อ การวิจัยกะโหลกศีรษะของอัลโลเซารัส พบว่ามันสามารถอ้ากรามได้กว้างมาก
กรามของมันสามารถฉีก หรือกรีดเนื้อกรามด้านบน มีฟันที่แหลมคม ที่ใช้สำหรับโจมตีเหยื่อเมื่อมันกัด และมันจะทำการฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ โดยกระชากหัวไปด้านหลัง ซึ่งคล้ายกับการกินอาหารของเหยี่ยว นักบรรพชีวินวิทยา พบรอยกัดบนแผ่นคอของสเตโกซอรัส
อัลโลเซารัสอาศัยอยู่บนโลกเมื่อประมาณ 145 ล้านปีก่อน ในยุคจูราสสิกตอนปลาย พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทอโรพอด ซึ่งเป็นกลุ่มไดโนเสาร์เดินด้วยสองขา สามารถเติบโตได้ถึง 40 ฟุต วัดจากหัวไปจนถึงปลายหาง ซึ่งมีขนาดเทียบเท่ากับไดโนเสาร์นักล่าชื่อดัง ทีเร็กซ์ [2]
การค้นพบฟอสซิล รวมไปถึงการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับ Allosaurus ยังมีความซับซ้อน เนื่องจากเกิดสงครามกระดูก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ฟอสซิลถูกค้นพบครั้งแรก และได้รับการอธิบายในปี 1869 โดยนักธรณีวิทยาชาวอเมริกัน เฟอร์ดินานด์ แวนเดอเวียร์ เฮย์เดน เขาได้รับฟอสซิลมาจากการซื้อของมือสอง
อัลโลเซารัสมีพื้นฐานมาจาก YPM 1930 ซึ่งเป็นคอลเล็กชันกระดูกชิ้นเล็กๆ กระดูกสันหลัง ซี่โครง ฟัน กระดูกนิ้วเท้า กระดูกต้นแขนขวา ซึ่งมาจากชั้นหินมอร์ริสัน และชื่อของมันถูกตั้งขึ้นโดย โอทนีเอล ชาลส์ มาร์ช โดยมีชื่อว่า Allosaurus fragilis มาจากภาษากรีก แปลว่า “กิ้งก่าแปลกประหลาด”
ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากพบฟอสซิล
ที่มา: Quick facts about Allosaurus [3]
พวกมันมีน้ำหนักประมาณ 2 ตัน และมีความยาวเมื่อโตเต็มวัยถึง 10.5 เมตร แม้ว่าซากดึกดำบรรพ์จะระบุไว้ว่า พวกมันอาจยาวได้ถึง 12 เมตรครึ่งหนึ่งของความยาวลำตัว จะประกอบไปด้วยหาง ที่พัฒนามาเป็นอย่างดี ซึ่งเหมือนกับไดโนเสาร์เทอโรพอดชนิดอื่นๆ เป็นสัตว์นักล่าที่วิ่งด้วยสองขาหลัง และมีความแข็งแรงมาก
กะโหลกศีรษะขนาดใหญ่ มีสันนูนที่อยู่ด้านหน้าของดวงตา กะโหลกศีรษะประกอบไปด้วยฟัน ที่กดทับด้านข้างเป็นจำนวนมาก ฟันมีลักษณะแหลมคมและโค้งงอ ทำให้มันล่าไดโนเสาร์ออร์นิธิเชียน หรือซอโรพอดขนาดเล็ก และบางครั้งพวกมันอาจกินซากสัตว์ที่ตาย
ที่มา: Games [4]
หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล จนนำไปสู่การศึกษาทางด้านบรรพชีวินวิทยา พบว่าพวกมันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินเนื้อ ที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ ดุร้าย และยังมีความสามารถในการอ้ากรามให้กว้าง เพื่อที่จะกัดหรือฉีกเนื้อของเหยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความเร็วในการวิ่งของไดโนเสาร์ชนิดนี้ หลังจากที่มีการศึกษาโครงสร้างร่างกาย ขาที่ยาวและแข็งแรง ทำให้พวกมันวิ่งได้เร็วประมาณ 30-55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโครงกระดูกข้อต่อของมัน บ่งบอกว่ามันเป็นนักวิ่งที่มีความคล่องแคล่ว
หากเปรียบเทียบร่างกายของไดโนเสาร์ทั้งสองสายพันธุ์ เห็นได้ชัดว่าทีเร็กซ์นั้นเหนือกว่า ในรูปแบบการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ทีเร็กซ์มีพละกำลัง และขนาดร่างกายที่ดีกว่า แต่อัลโลเซารัสมีความคล่องตัว และมีความเร็วในการวิ่งที่เร็วกว่า