
รูปร่าง อีโอโดรเมอัส ไดโนเสาร์จากตระกูลอาร์โคซอเรียน
- Chono
- 30 views
รูปร่าง อีโอโดรเมอัส หนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์นักล่า ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 230 ล้านปีก่อน พวกมันเป็นไดโนเสาร์จากยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ปัจจุบันคือพื้นที่ของประเทศอาร์เจนตินา เช่นเดียวกับไดโนเสาร์ยุคแรกๆ ที่มีต้นกำเนิดมาจากกลุ่ม Ischigualasto สำหรับรายละเอียดรูปร่างของพวกมัน มีข้อมูลดังต่อไปนี้
สำหรับ รูปร่าง อีโอโดรเมอัส (Eodromaeus) พวกมันถือเป็นไดโนเสาร์พื้นฐาน หรือไดโนเสาร์ที่เก่าแก่มากที่สุด โดยทั่วไปไดโนเสาร์กลุ่มนี้ จะมีลักษณะพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น กระดูกสันหลัง ที่แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะเรียงตามแนวกระดูกสันหลัง ไหล่แข็งแรงกว่า และกระดูกสะโพกเรียบแบนเป็นรูปสามเหลี่ยม
สำหรับกระดูกน่อง และข้อเท้าคล้ายบานพับ และเท้าที่ยาวของพวกมัน ประกอบไปด้วยนิ้วเท้าที่ยาว ส่วนหัวของกระดูกต้นขา จะไม่อยู่ห่างจากแกนกระดูก ไม่เหมือนกับไดโนเสาร์เทอโรซอร์ ลักษณะอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่ารูปร่างของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ก็คือการแกว่งแขนและขาไปข้างหน้า แทนที่จะหมุน ทำให้พวกมันมีลักษณะท่าทางยืนตัวตรง และเดินแบบพาราซากิตตัล
สำหรับไดโนเสาร์ออพมอร์ขั้นพื้นฐาน ที่มาจากยุคไทรแอสสิกตอนกลาง ไปจนถึงตอนปลาย เมื่อประมาณ 246-200 ล้านปีก่อน พบว่าพวกมันมีลักษณะค่อนข้างเล็ก ซึ่งมีความยาวประมาณ 3.3 ฟุต และส่วนใหญ่จะเดินด้วยขาหลังสองขา และเมื่อไดโนเสาร์ชนิดนี้โตเต็มวัย จะมีความยาวประมาณ 7 ฟุต และกลายเป็นสัตว์ที่เดินสี่ขา [1]
ถึงแม้ว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ไม่ใช่ไดโนเสาร์กลุ่มหลัก แต่พวกมันมีความหลากหลายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะไดโนเสาร์กลุ่มแรก Lagerpetonidae ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ขนาดเล็ก คล้ายกับกระต่าย ซึ่งมาจากยุคไทรแอสสิกตอนกลาง มีการค้นพบฟอสซิลส่วนขาหลัง ในประเทศอาร์เจนตินา ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1960-2007
ต่อมามีการค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง และมีลักษณะสมบูรณ์มากกว่า มีอายุย้อนกลับไปในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ถูกพบในรัฐนิวเม็กซิโก และรัฐเท็กซัส มีชื่อสายพันธุ์ที่สองว่า Dromomeron พวกมันเป็นไดโนเสาร์มีขาที่ยาว และแสดงถึงการฟื้นฟูโครงกระดูกที่สมบูรณ์ โดยมีโครงสร้างของกระดูกขาที่เบา ทำให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ไดโนเสาร์ชนิดนี้สูญพันธุ์ อาจมีไดโนเสาร์กลุ่มใหม่ขึ้นมาทดแทน จากการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฟอสซิลของไดโนเสาร์ทั้งสองสายพันธุ์ ไม่เคยพบในสถานที่เดียวกัน จากการวิจัยครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นว่าในละติจูดสูงสุดของไดโนเสาร์ การอยู่ร่วมกันนั้น อย่างน้อยจะต้องอยู่เป็นเวลา 20 ล้านปี
สำหรับการจำแนกประเภทของไดโนเสาร์ชนิดนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งพวกมันถือเป็นสมาชิกกลุ่มแรกของเทอโรพอด หรือ ไดโนเสาร์นักล่า กินเนื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยไทรันโนซอรัส และเวโลซีแรปเตอร์ อีกทั้งยังรวมถึงไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงชนิดเดียว นั่นก็คือ Eodromaeus ซึ่งเป็นนกที่มีชีวิตในยุคปัจจุบัน
สำหรับเทอโรพอดยุคแรก มีการคาดเดาว่าน่าจะมีรากฐานมาจาก เฮอร์เรราซอริด ซึ่งเป็นกลุ่มไดโนเสาร์กินเนื้อยุคแรก โดยไดโนเสาร์กลุ่มนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่โต อีกทั้งยังนำไปสู่การตรวจสอบอย่างละเอียด เกี่ยวกับไดโนเสาร์อีโอแรปเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการศึกษาโดยนักบรรพชีวินวิทยา Martinez ภายในปี 2011
จึงมีข้อสรุปเกี่ยวกับการจำแนกประเภทได้ว่า พวกมันอาจมีพื้นฐานของสัตว์ Apatosaurus แต่ข้อมูลนี้ยังคงเป็นประเด็นถกเถียง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไดโนเสาร์ Eoraptor ซึ่งการศึกษาบางส่วนอ้างว่า พวกมันเป็นเทอโรพอดที่ใกล้เคียงกับ Eodromaeus แต่การศึกษาของ Martinez กลับมีความเห็นที่ไม่ตรงกันบางประการ
สำหรับการค้นพบฟอสซิลของไดโนเสาร์ Eodromaeus ถูกพบครั้งแรกในปี 1991 แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก เกี่ยวกับสกุลใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แต่การศึกษาในปี 1996 ก็ได้มีการค้นพบฟอสซิลเพิ่มเติม และเชื่อกันว่าฟอสซิลนี้ มีความใกล้ชิดกับไดโนเสาร์อีโอแรปเตอร์ และเข้าใจว่าฟอสซิลนี้มาจากสกุลเดียวกัน
ตัวอย่างโฮโลไทป์ที่รู้จัก มีทั้งหมด 6 ชิ้นที่พบในชั้นหิน Ischigualasto พบในจังหวัดซานฮวน ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งโฮโลไทป์ที่สมบูรณ์ ได้แก่ PVSJ 560 ซึ่งเป็นโครงกระดูกแบนราบ แต่มีข้อต่อที่เกือบสมบูรณ์เช่นกัน โดยมีการค้นพบในชั้นหิน Valle de la Luna ซึ่งเป็นกลุ่มหินที่มีความเก่าแก่ และเป็นกลุ่มหินอันดับสามที่ทับถมบนหิน Cancha de Bochas
ตัวอย่างฟอสซิลของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ถูกพบในเขตสงวนชีวมณฑล Scaphonyx, Exaeretodon และ Herrerasaurus ที่มีสภาพชื้นแฉะ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ครึ่งแรกของชั้นหิน Ischigualasto โดยมีอายุย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 231 ล้านปีก่อน ซึ่งบ่งบอกว่าชั้นหินกลุ่มนี้ มีความสอดคล้องกับช่วงปลายของยุคคาร์เนียน ซึ่งเป็นระยะแรกในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย [2]
ข้อเท็จจริงหลังจากค้นพบฟอสซิล
ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ มีชีวิตอยู่ในยุคไทรแอสสิกตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงที่โลกมีลักษณะที่แตกต่างไปจากยุคปัจจุบัน โดยมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่า และทวีปต่างๆ ยังเชื่อมติดกัน ซึ่งเรียกว่ามหาทวีปแพนเจีย เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์กินเนื้อ จึงมีพฤติกรรมออกล่าอาหาร และมักจะล่าเหยื่อขนาดเล็ก ความคล่องแคล่วและความแข็งแรงของขา ทำให้มันมีกลยุทธ์ในการล่าที่ยอดเยี่ยม
ในส่วนของพฤติกรรมทางสังคมของพวกมัน จะมีความคล้ายคลึงกับหมาป่า ซึ่งมักจะออกล่าเหยื่อเป็นฝูง แต่มีความเป็นไปได้ว่า พวกมันอาจล่าเหยื่อเพียงลำพัง โดยอาศัยความเร็วและความว่องไวในการจับเหยื่อ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น และจะเป็นที่จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันข้อเท็จจริงข้อนี้ [3]
สำหรับข้อมูลของลักษณะทางกายภาพ หรือรูปร่างของไดโนเสาร์ชนิดนี้ มาจากการศึกษาฟอสซิล ที่มีการค้นพบในประเทศอาร์เจนตินา พบว่าพวกมันมีรูปร่างขนาดเล็ก และเป็นนักล่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความว่องไว มีกลยุทธ์ในการล่าเหยื่อที่ยอดเยี่ยม
การค้นพบฟอสซิลของไดโนเสาร์ชนิดนี้ เป็นฝีมือของนักบรรพชีวินวิทยาชาวอาร์เจนตินา ริคาร์โด มาร์ติเนซ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัคร จิม เมอร์ฟี ซึ่งเข้ามาช่วยในโครงการ Earthwatch เป็นโครงการขุดค้นหาฟอสซิลสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์
ความสามารถของขาหลังที่ทรงพลัง ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้วิ่งล่าเหยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมาจากการคาดเดาความเร็วของนักวิจัย เผยว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ อาจมีความเร็วสูงสุดในการออกล่า ประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (19 ไมล์ต่อชั่วโมง)