แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

รวมสูตร พะโล้ เมนูเด็ดลำดับที่ 33

Ye Jin
12 มี.ค. 25
16:54
11 views

รวมสูตร พะโล้ เมนูอาหารไทยที่มีรสชาติหวาน เค็ม หอมกลิ่นเครื่องเทศอย่างอบเชย และโป๊ยกั๊ก นิยมใช้หมู ไข่ และเต้าหู้เป็นวัตถุดิบหลัก เคี่ยวในน้ำพะโล้จนได้รสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ โดยรวมเมนูนี้มีคะแนนความง่ายในการทำอยู่ที่ 3 คะแนน

รวมสูตร พะโล้ มีวิธีทำหลากหลายสูตร ดังนี้

รวมสูตร พะโล้ เมนูที่มีการทำไม่ซับซ้อนมากนัก โดยเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ เช่น ไข่ไก่ หมูสามชั้น หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ตามชอบ จากนั้นทอดเต้าหู้ให้เหลืองสวย แล้วนำเครื่องเทศมาปรุงรส และเคี่ยวให้ได้ที่ โดยเนื้อหาต่อไปนี้ได้เรา รวมสูตรการทำพะโล้ จากแหล่งต่างๆ มาบอกต่อ ดังนี้

1. guide.michelin

รวมสูตรพะโล้ จาก เว็บไซต์ guide.michelin ได้ให้สูตร และวิธีการทำ ดังนี้

ส่วนผสม:

ไข่ไก่โอชา 5 ฟอง
สันคอหมูชีวา 200 กรัม
หมูสามชั้นชีวา 200 กรัม
น้ำตาลมะพร้าว 50 กรัม
น้ำตาลทรายแดง 30 กรัม
รากผักชี 3 ราก
กระเทียม 5 กลีบ
ผักชี
พริกไทย 1 ช้อนชา
ขิงอ่อน 20 กรัม
ซีอิ๊วขาว 50 กรัม
ซีอิ๊วดำ 10 กรัม
น้ำมะขามเปียก 10 กรัม
เกลือ ¼ ช้อนชา
น้ำมันพืช ½ ถ้วย
น้ำซุปผัก 1 ลิตร

วิธีทำ:

ตั้งน้ำในหม้อ ใส่เกลือนิดหน่อย
ใส่ไข่ ต้มเป็นเวลา 6-7 นาที
ปอกเปลือกแล้วพักไว้
โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย (สามเกลอ) เข้าด้วยกัน
ผัด 3 เกลือกับน้ำมันด้วยไฟกลางให้หอม ใส่ข่าอ่อนผัดลงไป
ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป ค่อย ๆ เคี่ยว ให้สีเริ่มเข้ม
ใส่หมูสามชั้นและสันคอหมูลงไป
ผัดให้พอสุก ให้เนื้อหมูเริ่มตึง
ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง และซีอิ๊วดำเล็กน้อย
ค่อย ๆ เติมน้ำซุปแล้วเคี่ยวต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง
ใส่น้ำมะขามเปียกเพื่อให้รสชาติกลมกล่อม
ตักใส่ชาม โรยผักชีเพื่อความหอมและตกแต่ง

ที่มา: guide.michelin [1]

2. recipe.ajinomoto

รวมสูตรพะโล้ จาก เว็บไซต์ recipe.ajinomoto ได้ให้สูตร และวิธีการทำ ดังนี้

ส่วนประกอบ

อายิโนะโมะโต๊ะ 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนชา
ผงพะโล้ 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับทอดเต้าหู้
น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้ขาว 1 ก้อน
เห็ดหอมแห้ง 4 ดอก
ฟองเต้าหู้ 1/4 ถ้วย
อบเชย 1 ก้าน
โป๊ยกั๊ก 3 ดอก
เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

หั่นเต้าหู้ แล้วลงไปทอด จนเหลืองกรอบ พักไว้
ตั้งหม้อใส่น้ำมัน แล้วใส่อบเชย โป๊ยกั๊ก น้ำตาลปี๊บ และผงพะโล้ ลงผัดจนมีกลิ่นหอม แล้วเติมน้ำ
จากนั้นใส่ส่วนผสม ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำหวาน เกลือ อายิโนะโมะโต๊ะ ลงในหม้อ ตั้งไฟเคี่ยวอย่างน้อย 30 นาที จนส่วนผสมสุกนุ่มได้ที่ พร้อมเสิร์ฟพะโล้เจได้เลย

ที่มา: recipe.ajinomoto [2]

3. openrice

รวมสูตรพะโล้ จาก เว็บไซต์ openrice ได้ให้สูตร และวิธีการทำ ดังนี้

ส่วนผสมและสัดส่วน

ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 10 ฟอง
หมูสามชั้นหั่นชิ้นหนา 1กิโลกรัม (ไม่ชอบกินมันใส่แต่เนื้อหั่นเป็นลักษณะก้อนๆ)
เครื่องพะโล้(โป๊ยกั๊ก อบเชย) 1 ห่อ
กระเทียม 2 หัว +รากผักชี 4-5 ราก , พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีใช้โรยหน้า 1-2 ต้น
น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ (ตามความชอบหวานมากน้อย)
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ½ ช้อนชา
น้ำเปล่า 3-4 ถ้วย
น้ำมันนิดหน่อยสำหรับผัดเครื่องพะโล้

วิธีปรุง

ต้มไข่ไปประมาณสัก 10-15 นาที นำไข่ที่ต้มแล้วมาใส่ในน้ำเย็น จากนั้นโขลกพริกไทย + รากผักชี + กระเทียม
ตั้งกระทะเอาหมูสามชั้นลงไปผัดๆ ในกระทะโดยไม่ใส่น้ำมันเพื่อให้ผิวหมูด้านนอกมันสุก
ใช้กระทะเดิมเติมน้ำมันลงไปเอาน้ำตาลปี๊บลงไปผัดให้ละลายใส่กระเทียม รากผักชีพริกไทยที่โขลกรวมกันไว้แล้ว ตามด้วยเนื้อหมูสามชั้นและไข่ผัดให้เข้ากันสักพัก
จากนั้นเอาส่วนผสมที่ได้เทใส่ในหม้อต้มที่ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำและเครื่องปรุงรส จากนั้นต้มต่อไปอีกสักพักให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อ ก่อนปิดไฟใส่ผักชีลงไป

ที่มา: openrice [3]

4. cooking.kapook

รวมสูตรพะโล้ จาก เว็บไซต์ cooking.kapook ได้ให้สูตร และวิธีการทำ ดังนี้

ส่วนผสม ไข่พะโล้

ไข่ไก่หรือไข่เป็ดเท่าที่มี
เกลือป่น (ใส่เล็กน้อยให้มีรสเค็มช่วยประหยัดเครื่องปรุงชนิดอื่น)
น้ำเปล่า ถ้าตุ๋นนานใส่ 3/4 ของขนาดหม้อภาชนะ
ปีกบนไก่ (น่องหรือสะโพก) ปริมาณตามชอบ
แท่งอบเชย 2-3 แท่ง (ใส่ให้พอมีกลิ่น)
ดอกโป๊ยกั๊ก ตามชอบ
น้ำตาลปี๊บ ใส่ตามชอบ (ถ้าชอบหวานกลมกล่อมใส่เยอะหน่อย ไม่มีใช้น้ำตาลทรายแทนได้ค่ะ หรือจะใส่น้ำตาลปี๊บ 1/2 ส่วน น้ำตาลทราย 1/2 ส่วนก็ได้ค่ะ)
ซีอิ๊วขาว (ช่วยเพิ่มความหอมอร่อย ชิมรสหลังจากใส่เกลือป่นก่อนเติมนะคะ)
น้ำปลา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
ซีอิ๊วดำ (ช่วยเพิ่มสีของไข่พะโล้ ถ้าชอบเข้มมากใส่เยอะหน่อยค่ะ)

วิธีทำไข่พะโล้

เริ่มแรกต้มไข่ก่อนเลยค่ะ ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อยจะได้ปอกเปลือกง่ายขึ้นค่ะ
ใส่น้ำเปล่าในหม้อภาชนะประมาณครึ่งหม้อภาชนะต้มจนเดือด จากนั้นใส่ปีกไก่ลงไปรอจนเดือด
ใส่แท่งอบเชยและดอกโป๊ยกั๊กตามลงไป
พอไก่สุกปรุงรสตามชอบ
หลังปรุงรสเติมน้ำเปล่าลงไปให้ได้ 3/4 ของหม้อภาชนะ จากนั้นเคี่ยวต่ออีก 30 นาทีหรือจนไก่เปื่อยนุ่มตามชอบค่ะ
เพียงเท่านี้ก็จะได้ไข่พะโล้แบบง่าย ๆ ไว้กินค่ะ

ที่มา: cooking.kapook [4]

5. food.trueid

รวมสูตรพะโล้ จาก เว็บไซต์ food.trueid ได้ให้สูตร และวิธีการทำ ดังนี้

ส่วนผสม ไข่พะโล้โบราณ สูตรอร่อย

ไข่ไก่ 5-10 ฟอง
หมูสามชั้น 600 กรัม
เต้าหู้แข็งทอด 1 ก้อน
กระเทียม 20 กลีบ
รากผักชี 5 ราก
พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลโตนด 5 ช้อนโต๊ะ (กรณีใช้น้ำตาลปี๊บจะหวานกว่าโตนด)
น้ำปลา 2 ทัพพี
น้ำเปล่า 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร)
ซีอิ๊วดำหวานนิดหน่อย (ถ้าสีเข้มแล้วไม่ต้องใส่)

วิธีทำ ไข่พะโล้โบราณ สูตรอร่อย

นำไข่ไก่ (แนะนำให้ใช้ไข่ค้างที่ไม่สดมาก) นำไข่มาใส่หม้อต้ม โดยเริ่มต้มไข่ตั้งแต่น้ำยังเย็นอยู่
เปิดเตา ใส่เกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และคอยหมั่นคนไข่ไปเรื่อยๆ จะเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ไข่แดงอยู่กลางใบ
ใช้ไฟแรงต้มจนน้ำเดือด เมื่อน้ำเริ่มเดือด ให้จับเวลา 6 นาที เมื่อครบเวลาให้ปิดไฟ แล้วนำไข่ขึ้นมาแช่น้ำเย็น
พักไข่ให้เย็นแล้วนำไข่มาปอก (ตามคลิป)
นำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ
ทำเครื่องแกงพะโล้ โดยนำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเม็ด มาโขลกรวมกันให้ละเอียด
ตั้งหม้อแล้วนำเครื่องแกงมาผัดในน้ำมันจนหอม ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน แล้วตักเครื่องแกงขึ้นมาพักไว้
นำน้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลมะพร้าว มาเคี่ยวต่อ (ใช้หม้อเดิม) ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวน้ำตาลให้ได้สีน้ำตาลเข้มสวยงาม จากนั้นปิดเตาแก๊ส (ตามคลิป)
ใส่เครื่องแกงลงในน้ำตาลที่เคี่ยวได้ที่แล้ว ตามด้วยน้ำปลา แล้วคนให้เข้ากัน
เมื่อคนจนส่วนผสมเข้ากันดี ให้ใส่หมูสามชั้นลงไปคลุกในเครื่องปรุงให้ทั่ว จากนั้นเปิดเตาใช้ไฟกลาง คอยคนเรื่อยๆ จนหมูสุกดี
เติมน้ำลงไปในหม้อ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน เปิดไฟแรง ต้มจนน้ำเริ่มเดือด ช้อนฟองออก
หรี่ไฟเหลือไฟกลาง จากนั้นใส่ไข่ต้มลงไป ตามด้วยเต้าหู้ทอด แล้วต้มต่อไปเรื่อยๆ คอยช้อนฟองออก
ถ้าสีอ่อนไป สามารถใส่ซีอิ๊วดำเพิ่มได้ตามชอบ หรี่ไฟลงเป็นไฟเบา แล้วปิดฝาแง้มๆ ต้มต่อประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมรับประทาน

ที่มา: food.trueid [5]

สรุป รวมสูตร พะโล้

รวมสูตร พะโล้ เป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบหลัก เช่น หมู ไข่ และเต้าหู้ เคี่ยวในน้ำพะโล้ที่มีเครื่องเทศอย่างอบเชย และโป๊ยกั๊กจนได้รสชาติกลมกล่อม การทำไม่ยุ่งยาก แต่ต้องใช้เวลาในการเคี่ยวเพื่อให้รสชาติเข้มข้น และเนื้อนุ่มลงตัว