รวมสูตร พะแนงหมู เมนูเด็ดลำดับที่ 5

ผัดกะทิกับเครื่องแกงให้หอม

• เริ่มต้นการทำแกงพะแนงหมูด้วยการตั้งกระทะใบใหญ่ หรือหม้อก้นตื้นบนเตาไฟกลาง ตักหัวกะทิข้น ๆ ใส่ลงไปประมาณ 1-2 ทัพพี ใช้ไฟอ่อนค่อย ๆ ผัดกะทิไปเรื่อย ๆ จนกะทิเริ่มแตกมัน มีฟองอากาศผุดขึ้นมา และส่งกลิ่นหอมมันของกะทิชัดเจน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7-8 นาทีโดยประมาณ
• ในขณะที่รอกะทิแตกมัน ให้เตรียมเครื่องแกงพะแนงที่โขลกไว้แล้วให้พร้อม เมื่อกะทิแตกมันได้ที่แล้ว จึงค่อย ๆ ใส่เครื่องแกงพะแนงลงไป ใช้ไฟอ่อน ผัดคลุกเคล้าให้เครื่องแกงกับกะทิเข้ากันดี ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีให้น้ำแกงแตกมัน หอมกรุ่น ระวังอย่าใช้ไฟแรงเกินไปจนเครื่องแกงไหม้ติดกระทะ
• เคล็ดลับ: การใช้กะทิแท้และโขลกเครื่องแกงเองจะช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยให้แกงพะแนงได้มากกว่าการใช้กะทิสำเร็จรูปหรือเครื่องแกงบรรจุซอง แต่หากไม่สะดวก สามารถใช้ส่วนผสมสำเร็จแบบนั้นได้เช่นกัน รสชาติอาจจะไม่เข้มข้นเท่ากับทำเอง แต่ก็ยังให้ความอร่อยถูกใจในแบบฉบับของพะแนงหมูได้ไม่ยาก

ใส่หมูลงผัด เติมรสดีรสหมู

• เมื่อผัดกะทิและเครื่องแกงจนมีกลิ่นหอมฉุยแล้ว ก็นำเนื้อหมูสันนอกหรือสันคอที่หั่นเป็นชิ้นพอคำใส่ลงไปในกระทะ ใช้ไฟกลางผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำแกง ผัดจนเนื้อหมูพอสุกแล้วจึงเบาไฟลงอีกนิด
• ในขั้นตอนนี้ให้ปรุงรสด้วย รสดี รสหมู สูตรลดโซเดียม 1-2 ช้อนชา คนให้ทั่วน้ำแกง จะได้แกงพะแนงที่มีรสชาติกลมกล่อมขึ้น แต่ยังคงความเข้มข้นของเครื่องแกงไว้อย่างครบถ้วน โดยไม่ต้องใส่เกลือหรือผงชูรสเพิ่ม ทั้งยังช่วยให้น้ำแกงมีสีสันสวยงาม น่ารับประทานยิ่งขึ้น ใช้เวลาเคี่ยวอีกประมาณ 10-15 นาทีหรือจนเนื้อหมูนุ่ม เปื่อยพอดี แต่ไม่ถึงกับแตกเป็นเส้น ๆ
• เคล็ดลับ: หากชอบแกงเผ็ดร้อน ให้เพิ่มพริกขี้หนูสวนซอย หรือพริกป่นลงไปตอนใส่เนื้อหมู จะยิ่งทำให้พะแนงหมูมีสีแดงสวย กลิ่นหอมเผ็ดน่าทาน ส่วนใครที่ทานไม่ค่อยเผ็ด สามารถแบ่งน้ำแกงส่วนหนึ่งออกมา ปรุงรสด้วยหางกะทิให้เจือจางลงได้ เพื่อให้ทุกคนในบ้านทานได้ไม่เผ็ดเกินไป

ใส่มะเขือพวง เคี่ยวจนสุก

• ต่อมาเป็นการใส่ผักเครื่องเคียงสำหรับแกงพะแนงหมู นั่นคือมะเขือพวงหรือมะเขือเปราะ หั่นเป็นชิ้นใหญ่พอประมาณ เมื่อส่วนผสมอื่น ๆ และเนื้อหมูเริ่มนุ่มได้ที่แล้ว จึงค่อยใส่มะเขือพวงลงไปผัดด้วย ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 3-5 นาที จนมะเขือเริ่มสุก เปื่อยนิ่ม แต่ยังคงสีสวย ไม่แตกละลายจนเกินไป
• เติมน้ำเปล่าลงไปอีกเล็กน้อยตามความข้นเหลวของน้ำแกงที่ต้องการ หากชอบทานแบบแกงข้น ก็เติมน้ำน้อยหน่อย แต่ถ้าอยากได้น้ำแกงเยอะ ๆ ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ ก็เติมมากขึ้นได้ คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อไปอีกสัก 2-3 นาที ชิมรสชาติ ปรับเพิ่มเติมตามชอบ เมื่อทุกอย่างสุกได้ที่แล้ว ก็พร้อมปิดไฟ ตักใส่ชามเสิร์ฟ
• เคล็ดลับ: อย่าใส่มะเขือพวงลงไปตั้งแต่ต้น เพราะมะเขือเป็นผักที่สุกเร็วและเปื่อยง่าย ถ้าต้มนานเกินไปจะทำให้มะเขือแตกละลาย ส่งผลให้น้ำแกงพะแนงหมูข้นเหนียวและดูไม่น่ารับประทาน ดังนั้นควรใส่มะเขือพวงลงไปในช่วงท้าย ๆ เพียงแค่ 5-10 นาทีก็เพียงพอแล้ว เพื่อคงความสวยงามและสัมผัสของมะเขือไว้ให้ได้มากที่สุด

แต่งหน้าเสิร์ฟ ตักคู่ข้าวสวย

• เมื่อตักแกงพะแนงหมู ร้อน ๆ ใส่ชามที่เตรียมไว้ ในขั้นตอนสุดท้ายให้ตกแต่งหน้าตาให้สวยงาม ด้วยการโรยใบมะกรูดซอยบาง ๆ เพิ่มความหอมละมุนหรือใครชอบแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดง ซอยเป็นชิ้นยาว ๆ เท่านี้ก็จะได้แกงพะแนงหมูรสเด็ด เข้มข้น
• เสิร์ฟพะแนงหมูกับข้าวสวยร้อน ๆ หอม ๆ เพิ่มความอร่อยด้วยเครื่องเคียง ผักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแตงกวา มะเขือเทศ ผักกระเฉด หรือผักชีฝรั่ง ก็เข้ากันเป็นอย่างดี ได้อารมณ์ความอร่อยแบบไทยโบราณ
• เคล็ดลับ: หากมีกะทิหรือหางกะทิเหลือ สามารถนำมาแต่งหน้าพะแนงหมูก่อนรับประทานได้ วิธีนี้ไม่ใช่แค่จะช่วยเพิ่มความเข้มข้น มันเงาของน้ำแกงเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มสีสันให้ตัวแกงดูน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วย แถมยังเป็นการเพิ่มไขมันดีจากกะทิให้กับเมนูอีกทางหนึ่ง ทำให้พะแนงหมูมีรสชาติเข้มข้น ละมุนลิ้นมากขึ้นอีกด้วย

ที่มา: recipe.ajinomoto [5]