รวมสูตร จิ้มจุ่ม เมนูเด็ดลำดับที่ 14

เตรียมน้ำซุป ด้วยรสดีซุปก้อน และสมุนไพร

• เริ่มต้นด้วยการต้มน้ำในหม้อดินด้วยไฟปานกลาง รอจนน้ำเดือด จากนั้นจึงใส่รสดีซุปก้อน คนให้ละลายเข้ากัน โดยการใช้หม้อดินจะช่วยเก็บความร้อนได้ดี และให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว
  จากนั้นใส่สมุนไพรลงไปทีละอย่าง จิ้มจุ่มมีอะไรบ้าง เริ่มจากข่าหั่นแว่นที่เลือกใช้ข่าแก่ เพราะจะให้รสเผ็ดร้อนชัดเจน ตะไคร้ทุบเลือกส่วนโคนที่อ่อน และมีน้ำมันหอมระเหยมาก ใบมะกรูดฉีกให้มีขนาดพอดี หอมแดงเผาจนเกรียมเล็กน้อย และพริกย่างที่เลือกใช้พริกขี้หนูสวนเพื่อความเผ็ดร้อนกำลังดี
• เคล็ดลับ: การเผาหอมแดง จะทำให้น้ำซุปจิ้มจุ่มมีความหวานธรรมชาติ ส่วนพริกย่างจะให้กลิ่นหอม และรสเผ็ดที่กลมกล่อม สุดท้ายโรยข้าวคั่วลงไป เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมแบบไทย ๆ ข้าวคั่วควรทำใหม่ ๆ จะได้กลิ่นหอมที่สุด

เตรียมเครื่องจิ้ม หั่นเนื้อ ผัก และจัดเรียงให้สวยงาม

• แล้วการทานจิ้มจุ่มมีอะไรบ้าง มาจัดเตรียมเครื่องจิ้มกันเลย เริ่มจากเนื้อสัตว์ โดยหั่นให้บางพอดีคำ ความหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เนื้อหมูควรเลือกส่วนสันคอหรือสันนอกที่มีมันแทรก เพราะจะให้เนื้อสัมผัสนุ่ม และรสชาติดี เนื้อวัวให้เลือกส่วนสันในที่นุ่ม หั่นตามเส้นใยเนื้อ จะช่วยให้เนื้อไม่เหนียว กุ้งแกะเปลือกแต่เหลือหางไว้เพื่อความสวยงาม เลือกกุ้งที่สดใหม่ เปลือกใส ตอกไข่ไก่สดใส่ถ้วยเล็กๆ แยกไว้
  การจัดวางเครื่องจิ้ม ควรแยกประเภทให้เป็นระเบียบ เนื้อสัตว์วางเรียงสวยงามบนจาน ใส่ไข่ไก่แยกใส่ถ้วย ส่วนผักสดต่าง ๆ จัดใส่จานรวมกัน แต่แยกตามการสุกเร็วช้า โดยผักที่นิยมใส่ได้แก่ ผักบุ้งหั่นท่อนพอดีคำ ผักกาดขาวหั่นชิ้นขนาดพอดี กะหล่ำปลีซอยหนาพอประมาณ ต้นหอมซอย ผักชี และเห็ดต่าง ๆ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า
• เคล็ดลับ: หั่นเนื้อสัตว์ขณะที่เนื้อยังเย็นจัด จะช่วยให้หั่นได้บางสวย และควรหั่นขวางเส้นใยเนื้อ เพื่อให้เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว

ทำน้ำจิ้มแจ่วให้ได้รสจัดจ้านตามชอบ

• น้ำจิ้มแจ่วสูตรจิ้มจุ่ม เป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้ เริ่มจากการผสมน้ำมะขามเปียกกับน้ำมะนาวในอัตราส่วนที่เท่ากัน เติมน้ำปลาคุณภาพดี และน้ำตาลทรายคนให้ละลาย ใส่พริกป่นตามความเผ็ดที่ต้องการ จากนั้นโรยข้าวคั่วลงไป เพื่อเพิ่มความหอม และเนื้อสัมผัส สุดท้าย ตกแต่งด้วยผักชี และต้นหอมซอย

จัดเสิร์ฟ และวิธีรับประทาน

• นำหม้อดินที่มีน้ำซุปเดือดวางบนเตา ควรใช้เตาที่สามารถปรับระดับความร้อนได้ จัดเรียงเครื่องเคียงทั้งหมดรอบ ๆ โต๊ะให้หยิบใช้ได้สะดวก โดยเริ่มต้นด้วยการลวกผักสดก่อน เพื่อให้น้ำซุปจิ้มจุ่มได้รสชาติจากผัก ควรเริ่มจากผักที่มีรสหวานอ่อน ๆ เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ตามด้วยเนื้อสัตว์ที่ชอบ ระวังอย่าใส่เยอะเกินไปจะทำให้น้ำซุปเย็น และรสชาติเปลี่ยน
• เคล็ดลับ: หากน้ำซุปงวดลงให้เติมน้ำร้อนที่เตรียมไว้ อย่าเติมน้ำเย็น เพราะจะทำให้การปรุงอาหารไม่สุกทั่วถึง ควรมีกาน้ำร้อนเตรียมไว้ข้าง ๆ และคอยเติมเมื่อระดับน้ำลดลงประมาณ 1/3 ของหม้อ

วิธีการดูแลรักษาความร้อนไม่ให้น้ำซุปงวดเร็ว

• ควบคุมไฟให้น้ำซุปเดือดแบบปานกลาง สังเกตจากฟองที่ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่แรงเกินไปจนเดือดพล่าน และหมั่นคนน้ำซุปเป็นระยะ เพื่อให้รสชาติกระจายทั่วถึง โดยเฉพาะบริเวณก้นหม้อที่มักจะมีเครื่องสมุนไพรสูตรจิ้มจุ่มตกอยู่
• เคล็ดลับ: สังเกตฟองที่ผุดขึ้นมาให้มีขนาดกลาง แสดงว่าไฟกำลังพอดี และควรเตรียมน้ำร้อนไว้เติมเมื่อน้ำซุปงวด

การเพิ่มรสชาติระหว่างทาน

• สามารถปรับแต่งรสชาติได้ตามชอบระหว่างทาน จิ้มจุ่มใส่อะไรบ้าง เช่น เพิ่มพริกสดทุบ เพื่อเพิ่มความเผ็ด และหอม เติมน้ำจิ้มลงในถ้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มรสชาติ หรือโรยผักชี ต้นหอมเพิ่ม เพื่อความสดชื่น การกินจิ้มจุ่มให้อร่อยควรค่อย ๆ ทานไปพูดคุยไป ไม่รีบร้อน เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศการกินแบบไทย ๆ ที่อบอุ่น
• เคล็ดลับ: ลวกผักที่มีรสอ่อนก่อน เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แล้วค่อยตามด้วยผักที่มีรสจัดกว่า เพื่อให้น้ำซุปสูตรจิ้มจุ่มค่อย ๆ ได้รสชาติที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น

ที่มา: recipe.ajinomoto [5]