
ฟอสซิล อะมิกดาโลดอน สัตว์กินพืชที่มีฟันคล้ายอัลมอนด์
- Chono
- 11 views
ฟอสซิล อะมิกดาโลดอน หนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินพืช ที่เคยมีชีวิตอยู่ในยุคจูราสสิกตอนกลาง ปัจจุบันคือพื้นที่ของประเทศอาร์เจนตินา มีการค้นพบฟอสซิลในชั้นหินเซอร์โรคาร์เนเรโร (Cerro Carnerero) ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 180-172 ล้านปีก่อน มีรายละเอียดเกี่ยวกับการค้นพบ ดังข้อมูลต่อไปนี้
ฟอสซิล อะมิกดาโลดอน ค้นพบครั้งแรกในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งพบโฮโลไทป์ประจำสายพันธุ์ นั่นก็คือ MLP 46-VIII-21-1 โดยประกอบไปด้วยกระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครง ฟอสซิลฟันสมบูรณ์ 4 ซี่ และกระดูกเชิงกรานบางส่วน ซึ่งค้นพบในปี 1936 สายพันธุ์ที่ได้รับการบันทึก และได้รับการอธิบาย นั่นก็คือ Amygdalodon patagonicus
ข้อมูลการอธิบายสายพันธุ์ที่ค้นพบ ได้รับการอธิบายในปี 1947 โดยนักบรรพชีวินวิทยา กาเบรรา (Cabrera) จนกระทั่งในปี 1936 ฟอสซิลของไดโนเสาร์เทอโรพอด ที่ค้นพบในประเทศอาร์เจนตินา ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งกระตุ้นให้ Piatnitzky ได้ทำการศึกษากระดูกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ที่มีความยาวไม่น้อยกว่า 5-7 เมตร
ต่อมานักบรรพชีวินวิทยาโทมัส ซูเอโร (Thomas Suero) ได้เดินทางไปยังจังหวัดซูบุต ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา ตั้งอยู่ระหว่างเส้นขนานที่ 42 ใต้เส้นขนานที่ 46 เพื่อทำการตรวจสอบแหล่งตะกอน ที่เกิดการทับถมอยู่บนเทือกเขา Liassic ของ Pampa de Agnia และยังได้ค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ ที่มาจากยุคจูราสสิก [1]
สำหรับ ไดโนเสาร์รักสงบ กินพืช ซึ่งอยู่ในกลุ่มซอโรพอดขนาดใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่ในยุคจูราสสิกตอนกลาง ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 180-171 ล้านปีก่อน ตั้งแต่ช่วงยุคโทอาร์เชียน ไปจนถึงยุคอาเลเนียน ปัจจุบันคือพื้นที่ของประเทศอาร์เจนตินา พบว่าพวกมันเป็นซอโรพอดขนาดใหญ่ ที่มีความยาวประมาณ 15 เมตร และมีความสูงประมาณ 4 เมตร
ในส่วนของน้ำหนักร่างกายโดยรวม ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งตัน ขาทั้ง 4 ข้างมีความแข็งแรง ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักร่างกายใหญ่โตได้ดี อีกทั้งยังมีหางที่ยาว อาจใช้เป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัวจากนักล่า กะโหลกศีรษะค่อนข้างเล็ก ประกอบไปด้วยฟันคล้ายรูปอัลมอนด์ ซึ่งอาจเป็นที่มาของการตั้งชื่อ
อีกทั้งยังมีการจัดประเภทของพวกมัน ให้อยู่ในวงศ์ตระกูล Cetiosauridae เนื่องจากกระดูกสันหลังมีลักษณะพิเศษ ที่มีรอยบุ๋มด้านข้าง และสำหรับสายพันธุ์ที่มีการค้นพบนั้น ระบุไว้ว่าพวกมันมีความยาว 39.4 ฟุต มีน้ำหนักประมาณ 1.48 ตัน ซึ่งทำให้พวกมันมีขนาดร่างกายใหญ่กว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ ที่อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกันนั่นเอง [2]
ไดโนเสาร์ชนิดนี้ได้รับการระบุว่าเป็นสัตว์กินพืช ในส่วนของพฤติกรรมการดำรงชีวิต ยังไม่ปรากฏข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากยังไม่มีการค้นพบฟอสซิลชนิดนี้มากนัก แต่จากการคาดเดาของนักวิทยาศาสตร์ พบว่าส่วนใหญ่พวกมันใช้เวลาในแต่ละวันเพื่อหาอาหาร และคาดว่าน่าจะใช้ชีวิตแบบสังคม หรืออยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่
ซึ่งกล่าวได้ว่า การอยู่รวมกันเป็นฝูง นอกจากจะช่วยให้พวกมันหาอาหารได้ง่ายแล้ว ยังช่วยปกป้องจากไดโนเสาร์นักล่า นอกจากนี้ พวกมันยังมีพฤติกรรมการเลี้ยงดูลูกที่ดี ส่วนระบบนิเวศที่พวกมันอาศัยอยู่ จะเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยตามชายฝั่ง ชายหาดที่มีหินกรวดและทราย เนื่องจากการถูกคลื่นทะเลกัดเซาะ ทำให้พวกมันมีพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง หรือโขดหิน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดโนเสาร์ชนิดนี้
นักบรรพชีวินวิทยา Rauhut ได้อธิบายการจำแนกประเภทในปี 2003 จัดให้พวกมันเป็น Eusauropoda incertae sedis โดยพิจารณาจากฟอสซิลต้นแบบ และต่อมาได้มีการวิเคราะห์วงศ์ตระกูลที่เกี่ยวข้อง โดยการวิจัยของ Carballido ในปี 2010 จึงได้ค้นพบสกุลที่แท้จริงของไดโนเสาร์ชนิดนี้ พบว่าอยู่ในกลุ่มซอโรพอด ไม่ใช่กลุ่มซาโรพอด
ความเห็นของสองนักบรรพชีวินวิทยา Holwerda และ Pol กล่าวไว้ว่า ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ อาจเป็นพี่น้องกับไดโนเสาร์อิกัวโนดอน ซึ่งการจำแนกซอโรพอดพื้นฐานสำหรับ Amygdalodon ได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากนักบรรพชีวินวิทยา โดยแสดงถึงสัญญาณแรกของการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนทางทันตกรรม
สำหรับการปรับเปลี่ยนทางทันตกรรม ทำให้พวกมันออกหาอาหารได้ง่าย และหาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากซอโรพอดในยุคหลัง แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันไม่มีลักษณะกระดูกสันหลัง เหมือนกับซอโรพอดชนิดอื่นๆ และพบว่าพวกมันอยู่ในแท็กซอนเดียวกันกับ Gongxianosaurus และอาจเกี่ยวข้องกับ Volkheimeria
ไดโนเสาร์ชนิดนี้ มีความสำคัญต่อการศึกษา เกี่ยวกับบรรพชีวินวิทยา ซึ่งสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ ได้เข้าใจความหลากหลายของสายพันธุ์ไดโนเสาร์ นักวิจัยได้เรียนรู้ว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ มีความสามารถในการปรับตัว เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยการศึกษาลักษณะเฉพาะของพวกมัน ซึ่งนำไปสู่เบาะแสการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโต
ส่วนข้อมูลชีววิทยาการสืบพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์ได้พบข้อมูล เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ของไดโนเสาร์ชนิดนี้ พบว่าพวกมันขยายพันธุ์โดยการวางไข่ในรัง และพบว่าพ่อแม่จะมีพฤติกรรมการดูแลลูกๆ ของพวกมัน จนกว่าจะออกหาอาหารเองได้ เพื่อกันว่าพวกมันวางไข่ในที่ที่ปลอดภัย เช่น พื้นดินที่อ่อนนุ่ม หรือวางไข่ในรังที่ทำจากพืช [3]
โดยรวมแล้ว จากการค้นพบฟอสซิลของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ทำให้นักบรรพชีวินวิทยา สามารถระบุข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ ทำให้รู้ว่าพวกมันมีขนาดความยาว น้ำหนัก และมีขนาดใหญ่แค่ไหน ถึงอย่างนั้น จากหลักฐานการค้นพบฟอสซิล ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจำแนกประเภท และได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการดำรงชีวิตของพวกมันอีกด้วย
สำหรับไดโนเสาร์ซอโรพอด รวมถึงไดโนเสาร์ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ได้แก่ บราคิโอซอรัส และอะพาโตซอรัส ซึ่งไดโนเสาร์เหล่านี้ มีการวิวัฒนาการจากบรรพบุรุษร่วมกัน ที่อาศัยอยู่เมื่อหลายล้านปีก่อน และแสดงให้เห็นว่าพวกมัน มีความสามารถในการปรับตัว เพื่อมีชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป
ถึงแม้ว่าไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ จะไม่ค่อยมีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่พวกมันก็ได้ปรากฏตัวในสารคดี และหนังสือต่างๆ สำหรับเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่บทบาทของไดโนเสาร์ชนิดนี้ มักจะแสดงให้เห็นถึงไดโนเสาร์ยักษ์ใหญ่ใจดี และมักจะแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมือนใคร