
บลิคานาซอรัส กินอะไร และค้นพบฟอสซิลตั้งแต่เมื่อไหร่
- Chono
- 31 views
บลิคานาซอรัส กินอะไร อาจเป็นคำถามที่หลายท่านสงสัย สำหรับไดโนเสาร์คอยาว ในช่วงเวลาที่พวกมันมีชีวิต ย้อนกลับไปในช่วงยุคไทรแอสซิกตอนปลาย ปัจจุบันคือพื้นที่ของทวีปแอฟริกาใต้ สำหรับรายละเอียดเนื้อหาภายในบทความบทนี้ เราจะพาไปดูอาหารที่พวกมันกินเพื่อมีชีวิตรอด รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการค้นพบฟอสซิลครั้งแรก
สำหรับคำถาม บลิคานาซอรัส กินอะไร จากข้อมูลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ พบว่าไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ เป็น ไดโนเสาร์รักสงบ กินพืช และเนื่องจากมันเป็นสัตว์กินพืชขนาดใหญ่ อาหารหรือพืชส่วนใหญ่ของพวกมัน ได้แก่ ใบไม้ เฟิร์น และพืชใบเขียวชนิดอื่นๆ ด้วยลักษณะร่างกายใหญ่โต คอยาว ทำให้มันเข้าถึงแหล่งอาหารที่อยู่สูงได้ง่ายๆ
และอาหารที่พวกมันมักจะหากินเป็นอาหาร นั่นก็คือพืชที่อยู่ตามพื้นดิน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางท่านเชื่อว่า เนื่องจากพวกมันมีขนาดและพฤติกรรมการกิน มันต้องหาอาหารจำนวนมาก จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไดโนเสาร์ชนิดนี้ มีการอพยพที่อยู่อาศัยบ่อยๆ เพื่อค้นหาแหล่งอาหาร หรือค้นหาพืชใหม่ๆ เมื่อเวลาเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
สำหรับที่อยู่อาศัยของไดโนเสาร์ชนิดนี้ คาดว่าพวกมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันคือพื้นที่แอฟริกาใต้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยต้นไม้ เฟิร์น และพืชหลากหลายสายพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบฟอสซิลบริเวณนี้ รวมไปถึงการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ชนิดอื่นๆ เช่น ซีโลฟิซิส
ความสำคัญทางด้านวิทยาศาสตร์ ทำให้นักวิจัยได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะพิเศษ เช่น ลำตัวเพรียวยาว มีขาที่แข็งแรง ช่วยให้มันเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคง อีกทั้งพวกมันมีศีรษะค่อนข้างเล็ก ปากแบน ออกแบบมาเพื่อการกัดหรือดึงอาหารเข้าปาก แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด ถึงแม้พวกมันจะมีร่างกายที่ใหญ่โต แต่มันกลับมาน้ำหนักที่เบา เนื่องจากกระดูกมีลักษณะกลวง
ความสำคัญต่อนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้เข้าใจว่า ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม บลิคานาซอรัสที่มีชีวิตอยู่ในยุคแรกๆ แสดงให้เห็นว่าไดโนเสาร์บางสายพันธุ์ เริ่มมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โต การศึกษาฟอสซิลของพวกมัน ช่วยให้นักบรรพชีวินวิทยา สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ในอดีต
ในส่วนของพฤติกรรมทางสังคม นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่า พวกมันมีชีวิตอยู่รวมกันเป็นฝูง ไม่ว่าจะเป็นการออกเดินทางเพื่อหาแหล่งอาหาร หรือการอยู่รวมกันเพื่อปกป้องตัวเองจากนักล่า เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอีกหลายๆ ชนิดในยุคปัจจุบัน และไดโนเสาร์ชนิดนี้ อาจมีการสื่อสารผ่านการใช้เสียง เช่นเดียวกับช้างในยุคปัจจุบัน [1]
Blikanasaurus ไดโนเสาร์กินพืชขนาดกลาง ที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นเอกลักษณ์ ขนาดและลักษณะของพวกมัน ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน ได้เข้าใจถึงการดำรงชีวิต ในช่วงเวลาของยุคไทรแอสซิกตอนปลาย จากการประเมินโครงสร้างฟอสซิลที่มีการค้นพบ พบว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้มีความยาวประมาณ 5 เมตร (16.4 ฟุต)
ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดร่างกายใหญ่โต แต่ก็ยังถือว่าเล็กกว่าไดโนเสาร์ในกลุ่มเดียวกัน น้ำหนักของมันยังไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัด เนื่องจากมีการค้นพบหลักฐานฟอสซิลอย่างจำกัด แต่มีแนวโน้มว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ จะมีรูปร่างตามแบบฉบับไดโนเสาร์กินพืชในยุคนั้น โดยเฉพาะขาทั้งสี่ข้าง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม
โครงสร้างร่างกายของไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด จะประกอบไปด้วยลำคอที่ยาว หางค่อนข้างยาว ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของไดโนเสาร์สกุลนี้ หางอาจมีประโยชน์ในการทรงตัว และอาจใช้สื่อสารกับไดโนเสาร์ตัวอื่น ถึงแม้รายละเอียดหลายๆ อย่าง ที่อาจเกี่ยวข้องกับไดโนเสาร์ชนิดนี้ ยังไม่ปรากฏข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก แต่พวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ Blikanasaurus เริ่มต้นการค้นพบครั้งแรก จากการขุดเจอฟอสซิลขาหลังบางส่วน ในชั้นหินเอลเลียตตอนล่าง ในบริเวณพื้นที่เชิงเขาบลิคานา อีสเทิร์นเคป ประเทศแอฟริกาใต้ ในปี 1965 ย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 2000 มีการค้นพบตัวอย่างชิ้นที่สอง ซึ่งประกอบไปด้วยกระดูกฝ่าเท้า ในบริเวณทางตะวันออกของรัฐฟรีสเตต
ข้อมูลจากนักบรรพชีวินวิทยา กล่าวไว้ว่า การตั้งชื่อของไดโนเสาร์ชนิดนี้ มีความหมายว่า “กิ้งก่าบลิคานา” หนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินพืช ซึ่งถูกจัดประเภทให้อยู่ในกลุ่มซอโรพอด มีชีวิตอยู่ในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย การจำแนกของไดโนเสาร์สกุลนี้ ได้รับการระบุครั้งแรกโดย กัลป์ตัน และ ฟาน ฮีร์เดน ในปี 1985
เนื่องจากมีการค้นพบฟอสซิลเพียง 2 ชิ้น ที่นักวิทยาศาสตร์รู้จัก อีกทั้งยังมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์แบบ จึงมีการทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการแบ่งแยกซอโรโพโดมอร์ฟเพียงเล็กน้อย และข้อมูลเดียวที่สามารถสรุปได้ นั่นก็คือกระดูกบริเวณขาหลัง ซึ่งมีโครงสร้างหนาแน่น และยังแสดงให้เห็นว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ อาจมีโครงสร้างขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง [2]
ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากค้นพบฟอสซิล
สำหรับสายพันธุ์ที่มีการค้นพบ และได้รับการตั้งชื่อ นั่นก็คือ Blikanasaurus cromptoni ซึ่งถือว่าเป็นซอโรพอดที่เก่าแก่มากที่สุดชนิดหนึ่ง มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 200 ล้านปีที่ผ่านมา ตัวอย่างแรกที่มีการค้นพบโฮโลไทป์ ประกอบไปด้วยกระดูกหน้าแข้งด้านซ้าย กระดูกทาร์ซัส และกระดูกเท้า ที่ค้นพบในชั้นหินที่เก่าแก่มากที่สุด
ส่วนกระดูกสะโพกขนาดใหญ่อีกหนึ่งชิ้น ที่นักบรรพชีวินวิทยาได้ค้นพบ ถูกกำหนดให้เป็นโฮโลไทป์ NMQR 4125 โดยมีความยาวถึง 56 เซนติเมตร และมีขนาดใหญ่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับซอโรโพโดมอร์ฟชนิดอื่น แถมยังมีแผ่นกระดูกเชิงกรานที่ต่ำ ซึ่งโครงสร้างนี้ไม่เหมือนกับไดโนเสาร์ที่ถูกพบในชั้นหิน Elliot Formation
จากการศึกษาฟอสซิลที่ถูกค้นพบ ทำให้นักวิจัยเกิดความประหลาดใจ กับขนาดใหญ่โตที่น่าทึ่งของกระดูกหน้าแข้ง กระดูกทาร์ซัส และกระดูกฝ่าเท้า ซึ่งกระดูกมีลักษณะที่ทนทานกว่าไดโนเสาร์ชนิดอื่น มีการคาดเดากันว่า สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับขนาดอันใหญ่โต ในขณะที่พวกมันอยู่ในท่ายืน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Antetonitrus
เนื่องจากมีการค้นพบโครงสร้างที่แข็งแรง จึงเกิดการสันนิษฐานว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวด้วยสี่ขา ต่างจากซอโรโพโดมอร์ฟชนิดอื่น เนื่องจากลักษณะเดิมของ Blikanasaurus ถูกคิดว่าเป็นพื้นฐานของไดโนเสาร์ซอโรพอด แต่ฟอสซิลที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
ตัวอย่างรายชื่อไดโนเสาร์เครือญาติ
ที่มา: Classification [3]
หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล จนนำไปสู่การศึกษาทางบรรพชีวินวิทยา พบว่าไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ เป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร ซึ่งในช่วงเวลาที่พวกมันมีชีวิตอยู่ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการหาอาหาร เพื่อให้เพียงพอต่อร่างกายขนาดใหญ่ของพวกมัน อีกทั้งยังทำให้รู้ เกี่ยวกับพฤติกรรมการอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ เพื่อปกป้องตัวเองจากนักล่า
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไดโนเสาร์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก อาจไม่ปรากฏตัวในภาพยนตร์หรือการ์ตูน แต่พวกมันก็เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ ที่ดึงดูดจินตนาการของเด็กๆ โดยเฉพาะตัวละครอย่าง Littlefoot จากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง The Land Before Time
ข้อมูลจากเอกสารทางวิทยาศาสตร์ P. Ellenberger ในปี 1970 กล่าวไว้ว่า พวกมันเป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ ที่เกี่ยวข้องทางบรรพชีวินวิทยา การปรากฏตัวครั้งแรกของพวกมัน ทำให้ได้รู้ว่าไดโนเสาร์ชนิดนี้ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และข้อมูลจาก AM Yates ในปี 2008 ได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะทางวิทยาศาสตร์ ที่มาจากชั้นหิน Elliot