
การค้นพบ ทรูดอน ไดโนเสาร์กินเนื้อคล้ายนก
- Chono
- 43 views
การค้นพบ ทรูดอน หนึ่งในสายพันธุ์สัตว์นักล่าที่กินเนื้อ จากการตรวจสอบลักษณะภายนอก พวกมันมีบางอย่างที่คล้ายนกในยุคปัจจุบัน จากการศึกษาข้อมูลฟอสซิล พบว่ามันอยู่ในกลุ่มเทอโรพอดขนาดเล็ก ดำรงชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนปลาย ประมาณ 77 ล้านปีก่อน รายละเอียดการค้นพบฟอสซิล ดังหัวข้อถัดไป
การค้นพบ ทรูดอน (Troodon) ถูกค้นพบโดยนักบรรพชีวินวิทยาชาวอเมริกัน โจเซฟ ไลดี้ (Joseph Leidy) ในปี 1856 แต่ตัวอย่างฟอสซิลต้นแบบมีปัญหาในการจำแนก เนื่องจากมีการขุดพบเพียงฟันซี่เดียวเท่านั้น ในบริเวณแม่น้ำดิธ ทำให้พวกมันไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด และกลายเป็นหัวข้อที่ขัดแย้งกับเทอโรพอดที่คล้ายกัน
ในตอนแรก ตัวอย่างฟันที่มีการค้นพบนั้น ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มกิ้งก่า ต่อมาถูกจัดให้เป็นไดโนเสาร์เมกาโลซอรัส ในปี 1901 แต่สุดท้ายการศึกษาฟันโดยนักวิทยาศาสตร์ Gilmore ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า นี่เป็นฟันของสัตว์กินพืชและกินเนื้อ สเตโกซอรัส ทำให้ทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความคล้ายคลึงกัน
กลุ่มไดโนเสาร์ Pachycephalosauria ได้รับการเรียกชื่อว่าเป็น Troodontidae ในปี 1945 โดย ชาร์ลส์ มอร์ทรัม สเติร์นเบิร์ก ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าทรูดอน จะกลายเป็นแพคิเซฟาโลซอร์ เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับฟันของไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดอื่นมากกว่า จึงเกิดการตั้งสกุลใหม่ขึ้นว่า Pachycephalosauridae
ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากค้นพบฟอสซิล
ที่มา: Quick facts about Troodon [1]
หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล ก็ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ท่านใด ที่ทราบข้อมูลของไดโนเสาร์ชนิดนี้อย่างชัดเจน แต่ตัวอย่างของฟันหนึ่งซี่นั้น ก็มีข้อมูลในส่วนที่น่าสนใจ เกี่ยวกับอาหารที่พวกมันกินเข้าไป แนวคิดนี้จึงเกิดการแพร่กระจาย และเชื่อมโยงไปถึงไดโนเสาร์ขนาดเล็ก ที่มีลักษณะบางอย่างคล้ายนก
ทรูดอนอาจมีความยาวไม่เกิน 7 ฟุต เช่นเดียวกับเทอโรพอดขนาดเล็กชนิดอื่น เคลื่อนไหวด้วยการเดินสองเท้า เอนตัวไปข้างหน้า นั่นหมายความว่า พวกมันอาจมีความสูงจากพื้นเพียง 4 ฟุต มีการประมาณขนาดและความยาวของมัน หลังจากค้นพบตัวอย่างชนิดอื่น ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อาจเป็นคนละสายพันธุ์
จากการประมาณค่าน้ำหนักของไดโนเสาร์ชนิดนี้ คาดว่าพวกมันอาจมีน้ำหนักเพียง 75-100 ปอนด์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีขนาดใหญ่เทียบเท่าเทอโรพอดชนิดอื่นก็ตาม แต่ก็ยังมีขนาดที่ใหญ่กว่านกในยุคปัจจุบัน แต่จุดเด่นของไดโนเสาร์ชนิดนี้อยู่ที่สมองของพวกมัน เชื่อว่าทรูดอนมีความฉลาดกว่าสัตว์ชนิดอื่น
ด้วยลักษณะฟันที่ทำให้ย้อนกลับไปถึงยุคครีเทเชียส ตัวอย่างนี้ถูกพบในชั้นหินจูดิธริเวอร์ ในมอนแทนา ชั้นหินนี้จะประกอบไปด้วยซากดึกดำบรรพ์จำนวนมหาศาล ที่ส่งต่อมาจนถึงยุคครีเทเชียสตอนปลาย โดยตัวอย่างนี้มีอายุตั้งแต่ 80-75 ล้านปีก่อน และยังค้นพบตัวอย่างอื่นๆ ใน Dinosaur Park Formation
อย่างไรก็ตาม ยังมีการถกเถียงอยู่ว่า ฟอสซิลนี้เป็นของไดโนเสาร์ทรูดอนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงฟอสซิลที่คล้ายกันเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการพบในช่วงต้นของประเทศจีน ในช่วงเวลาที่พวกมันอาศัยอยู่นั้น มีสภาพแวดล้อมตั้งแต่ทะเลทรายที่แห้งแล้ง ไปจนถึงหนองน้ำและป่าไม้เขตอบอุ่น
สำหรับการดำรงชีวิต ของไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด เกิดการสูญพันธุ์ในช่วงปลายยุคครีเทเชียส หลังจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ที่มีดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก ในแถบประเทศเม็กซิโก จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่งผลทั้งสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศ โดยคิดเป็น 75% ของสิ่งมีชีวิตบนโลก [2]
จากการสำรวจโครงกระดูกของ Troodon บ่งบอกว่ามันเดินสองขา ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยืน หรือการวิ่งด้วยขาหลังสองข้าง อีกทั้งยังมีลำตัวเพรียวบาง ทำให้พวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุทธวิธีการล่าได้เป็นอย่างดี และขาที่ยาวและเบาของมัน ทำให้ทรูดอนสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่พวกมันจะล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก โดยเฉพาะ จิ้งจก งู รวมไปถึงลูกของไดโนเสาร์ เนื่องจากพวกมันมีดวงตากลมโตขนาดใหญ่ ทำให้มันมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ในพื้นที่ที่มีแสงน้อยนิด นักบรรพชีวินวิทยาสามารถสรุปได้ว่า ทรูดอนจะออกล่าเหยื่อในช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก
และที่สำคัญ สัตว์นักล่าขนาดเล็กชนิดนี้ สืบพันธุ์โดยการวางไข่ ซึ่งในช่วงต้นทศวรรษ 1980 มีการค้นพบรังขนาดใหญ่ของทรูดอน ประกอบไปด้วยไข่จำนวนมาก ตัวอ่อน และไดโนเสาร์ที่โตเต็มวัย ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นฟอสซิล สถานที่พบแห่งนี้ถูกเรียกว่า “ภูเขาไข่” ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ National Park Service
Troodon ถือว่าเป็นไดโนเสาร์ที่อัจฉริยะมากที่สุด ในกลุ่มของไดโนเสาร์ ที่มีชีวิตในยุคครีเทเชียส เชื่อกันว่าไดโนเสาร์เหล่านี้มีความฉลาดมาก ขึ้นอยู่กับกระบวนการวิวัฒนาการ อาจมีความฉลาดมากกว่าไดโนเสาร์ทั่วไปถึง 6 เท่า ซึ่งหมายความว่า สติปัญญาของพวกมันในสมัยอดีต เทียบเท่ากับนกแก้วในยุคปัจจุบัน [3]
ที่มา: In the Media [4]
โดยรวมแล้ว หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิลฟันหนึ่งซี่ของพวกมัน ทำให้นักวิทยาศาสตร์ สามารถวิเคราะห์และรับรู้เกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพ ลักษณะเด่น และพฤติกรรมในการดำรงชีวิต จนนำไปสู่บทบาททางด้านการแสดง พวกมันมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่อีกด้วย
พวกมันเป็นนักล่าที่มีโครงสร้างร่างกายเบา ขายาว ออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลแก่ร่างกาย นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า พวกมันสามารถวิ่งได้คล่องแคล่ว และวิ่งได้เร็วถึง 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วนี้ใกล้เคียงกับนกกระจอกเทศในยุคปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ปรากฏหลักฐานชี้ชัด ว่าพวกมันสามารถว่ายน้ำหรือใช้ชีวิตในน้ำได้หรือไม่ แต่จากลักษณะทางกายวิภาคของพวกมัน นักวิทยาศาสตร์คาดว่ามันอาจว่ายน้ำได้ในระดับหนึ่ง อาจว่ายข้ามแหล่งน้ำขนาดเล็กหากมีความจำเป็น แต่ไม่ได้เป็นนักว่ายน้ำที่ดี