
การขุดพบ คามาราซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่
- Chono
- 100 views
การขุดพบ คามาราซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชจากกลุ่มซอโรพอด ซึ่งพบว่ามันอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ย้อนกลับไปจนถึงยุคจูราสสิกตอนปลาย สำหรับการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ ถูกพบในชั้นหินมอร์ริสัน ซึ่งมีอายุมากกว่า 155 ล้านปีก่อน ในบทความนี้ เราจะพาไปดู ประวัติศาสตร์การค้นพบฟอสซิล ของไดโนเสาร์ชนิดนี้
สำหรับ การขุดพบ คามาราซอรัส เริ่มต้นขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 1877 เมื่อ โอราเมล วิลเลียม ลูคัส (Oramel William Lucas) นักบรรพชีวินจากรัฐโคโลราโด ได้ค้นพบกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ ในพื้นที่แหล่งโบราณคดีในเคาน์ตี้เฟรอมอนต์ Garden Park และได้ส่งตัวอย่างไปให้กับ เอ็ดเวิร์ด ดริงเกอร์ โคป
สำหรับฟอสซิลต้นฉบับ ประกอบไปด้วยกระดูกสันหลัง 3 ชิ้น กระดูกส่วนคอ และกระดูกสันหลังส่วนหาง 4 ชิ้น ปัจจุบันนักบรรพชีวินเชื่อกันว่า ฟอสซิลเหล่านี้ อาจถูกประกอบขึ้นมาจากไดโนเสาร์หลายชนิด ส่วนฟอสซิลที่โคปได้อธิบายไว้ พบว่ามันเป็นไดโนเสาร์ที่มีลำคอที่ยาว และถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกัน
การค้นพบครั้งใหม่ หลังจากที่พบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะ และโครงกระดูกหลังกะโหลกศีรษะบางส่วน ได้เก็บรวบรวมไว้ที่เหมืองหิน ในเมืองโคโมบลัฟฟ์ รัฐไวโอมิง ถูกพบโดยทีมงานของ โอทนีเอล ชาร์ลส์ มาร์ช (Othniel Charles Marsh) และถือว่าเป็นโครงกระดูกที่เกี่ยวข้องกับ Camarasaurus สายพันธุ์ Apatosaurus [1]
สำหรับไดโนเสาร์กินพืชชนิดนี้ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายยุคจูราสสิก หลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิล ในบริเวณอเมริกาเหนือทางตะวันตก พบว่าพวกมันมีรายละเอียดลักษณะกายภาพดังนี้ เมื่อพวกมันเติบโตเต็มวัย มีความยาวประมาณ 18 เมตร และค่อนข้างที่จะมีขนาดที่เล็กกว่าซอโรพอดสายพันธุ์อื่นๆ
ลักษณะที่โดดเด่นของมัน ที่มีคอยาว แต่หางสั้น กะโหลกศีรษะและจมูกสั้น ส่วนฟันมีลักษณะคล้ายช้อนยักษ์ รูจมูกจะอยู่ด้านหน้าของดวงตา ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือดวงตาเหมือนกับซอโรพอดตัวอื่น เช่น ไดพลอโดซิดและบราคิโอซอร์ และเดิมทีหลังจากที่มีการค้นพบฟอสซิลครั้งแรก มันถูกเรียกชื่อว่าบรอนโตซอรัส
การค้นพบในช่วงปลายทศวรรษ 1800 พบว่ากะโหลกศีรษะของมันหายไป ต่อมาในปี 1978 กะโหลกศีรษะของอพาโตซอรัสที่ถูกค้นพบ และพบว่ามีลักษณะคล้ายกับไดพลอโดซิด จึงทำให้มันถูกจัดอยู่ในสายพันธุ์ใหม่ และกลายเป็นคามาราซอรัสที่มีคอที่สั้นกว่าบราคิโอซอรัส ส่วนคอและหางสั้นกว่าไดพลอโดซิด [2]
การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ชนิดนี้ ปัจจุบันคือพื้นที่ในแถบประเทศยูทาห์ เนแบรสกา และนิวเม็กซิโก พวกมันเป็นไดโนเสาร์กินพืช จากกลุ่มซอโรพอด ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไป และพบมากที่สุดในอเมริกาเหนือ มันมีชีวิตอยู่ในยุคจูราสสิกตอนปลาย ชื่อของมันมีความหมายว่า “กิ้งก่าที่มีช่องว่าง”
สำหรับช่องว่างขนาดใหญ่ ที่อยู่ตามแนวกระดูกสันหลัง มีลักษณะที่แยกจากกัน ปัจจุบันมีการสันนิษฐานว่า ช่องว่างเหล่านี้ อาจมีหน้าที่ในเรื่องของระบบหายใจ ที่ออกแบบมาเพื่อสัตว์ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ ช่องว่างเหล่านี้ทำให้น้ำหนักของร่างกายลดลง และมักจะพบในกลุ่มไดโนเสาร์ซอโรพอดชนิดอื่นๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคามาราซอรัส
มีการเขียนบันทึก สำหรับไดโนเสาร์ที่โตเต็มวัยทั้ง 2 ตัว โดยมีความยาว 12.2 เมตร ที่เสียชีวิตพร้อมกัน ในช่วงปลายยุคจูราสสิก มีการขุดพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของรัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา โดยแผนกบรรพชีวินวิทยา ได้นำกระดูกสันหลัง ไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ในปี 1997-1998 มีการสันนิษฐานว่า ฟอสซิลที่ไหลมาตามแม่น้ำหลายชิ้น บ่งบอกว่ามันอาจเคลื่อนไหวอยู่เป็นฝูง หรืออย่างน้อยอยู่รวมกันเป็นครอบครัว นอกจากนี้ยังพบไข่ของคามาราซอรัส ถูกวางเป็นแถว แทนที่จะถูกวางไว้ในรังของมัน และพบก้อนหินขนาดเล็กในกระเพาะ อาจช่วยในการบดอาหารที่กินลงไป
ตัวอย่างฟอสซิลไดโนเสาร์คามาราซอรัส ที่ทีม Douglass ได้ค้นพบในช่วงปีสุดท้าย ของการขุดค้นที่เหมืองหิน Carnegie ซึ่งถือเป็นโครงกระดูก ของไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอดที่ดีที่สุด เท่าที่มีการค้นพบ เนื่องจากได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และไม่เคยนำออกจากบล็อกหินทราย จึงมีสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด
ผู้เก็บรักษาฟอสซิล ได้เลือกวิธีเก็บรักษา โดยนำเศษหินที่ปะปนออก และเหลือเพียงส่วนโครงกระดูกทางด้านซ้าย อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หลังจากที่ค้นพบขาหลัง หางที่มีลักษณะโค้งด้านหลัง และกระดูกหน้าอกที่มีสภาพปกติ แสดงให้เห็นโครงสร้างไดโนเสาร์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ตัวอย่างฟอสซิลไดโนเสาร์ชนิดนี้ มีหมายเลขโฮโลไทป์กำกับไว้ว่า CM11338 เป็นคามาราซอรัสวัยเด็ก ที่พบในเหมืองหินคาร์เนกี ปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์คาร์เนกี ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย จัดแสดงให้พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Dinosaur National Monument ใน Quarry Exhibit Hall [3]
ที่มา: In popular culture [4]
การขุดพบฟอสซิลของไดโนเสาร์กินพืช คอยาว หางสั้น จากกลุ่มซอโรพอด ซึ่งสามารถพบได้โดยทั่วไปในแถบอเมริกาเหนือ หลังจากที่นักบรรพชีวินวิทยาได้ทำการศึกษา จนนำไปสู่การศึกษาโครงสร้างทางร่างกาย และรูปร่างที่โดดเด่นของมัน ยังนำไปสู่บทบาทในสื่อสมัยนิยม ปรากฏตัวให้เห็นในหลายๆ ช่องทาง
สภาพแวดล้อมที่ไดโนเสาร์ชนิดนี้อาศัยอยู่ ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 155 ล้านปีก่อน ในยุคสมัยนั้น มีสภาพอากาศที่อบอุ่น ร้อนชื้น และมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับไดโนเสาร์ที่กินพืชเป็นอาหาร
ไดโนเสาร์ที่คิดว่าอาศัยอยู่ร่วมกับ Camarasaurus ได้แก่ ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ อะพาโตซอรัส, บราคิโอซอรัสและบรอนโตซอรัส และอาศัยอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์กินพืชอัลโลซอรัส จากข้อมูลการศึกษาของนักบรรพชีวินวิทยา พบว่าคามาราซอรัสมีขนาดที่เล็กกว่า Apatosaurus และ Brachiosaurus